ดูหนังทรานฟอร์เมอร์ ดูหนัง ดูหนังออนไลน์ 2024 ดูหนังฟรี

ดูหนังทรานฟอร์เมอร์

ดูหนังทรานฟอร์เมอร์ คนเขียนกับท่านนักอ่านก็คงจะคิดคล้ายกันครับผมว่า ภาพจำในที่สุดของหนังแฟรนไชส์หุ่นยนต์เอเลี่ยนตีกัน ‘Transformers’ ก็อาจหนีไม่พ้นฉากที่หุ่นตะน้อนบัมเบิ้ลบี (Bumblebee) สลับตัวเองจากรถยนต์โฟล์กสวาเกน ไปเป็นรถยนต์มัสเซิลคาร์สุดหรู Chevrolet Camaro ใน ‘Bumblebee’ (2018) เป็นคิดออกเท่านั้นจริงๆจะว่านักเขียนความจำสั้นก็ได้ครับผม แต่ว่าก็รับสารภาพตรงๆเลยว่า แม้ว่าจะมองมาครบแล้วทุกภาค

แม้กระนั้นเนื่องจากว่าภายหลัง ‘Transformers’ (2007) ภาคแรกเข้าฉาย ในภาคต่อๆมา มันก็เบาๆเปลี่ยนแปลงจากหนังสงครามหุ่นรบแอ็กชันมันระเบิดละลานตาในสไตล์พ่อ ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ผสมกลิ่นหนังครอบครัวฟีลกู้ดตามสไตล์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) เปลี่ยนเป็นหนังหุ่นรบขายวิชวลเอฟเฟกต์ ขายระเบิดเทือกเขาเผากระต๊อบวินาศสันตะโร (รวมทั้งขายสินค้าเล่น) แบบดาดดื่น กับมุกเฮฮาล้นๆเลอะเทอะๆไม่มีเสน่ห์ ความไม่มีเหตุผลของนักแสดง และก็เส้นเรื่องยุ่บยั่บวุ่นวายจนถึงไม่รู้จักจะจับเอาที่ไหนมาจำจริงๆ(จะมีเว้นเสียแต่ก็ ‘Bumblebee’ ที่มีลักษณะบทหลุดๆบ้าง แต่ว่าก็นับว่ามองได้แบบเพลิดเพลินๆ)

ดูหนังทรานฟอร์เมอร์ แน่ๆล่ะว่า ด้วยข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดี แถมทุนสร้างที่สูงขึ้นในแต่ละภาค

แม้กระนั้นดันทำรายได้สวนตกเหว (แม้กระทั่งทำรายได้ให้ค่ายมากมายโขอยู่) ประกอบกับตอนแถวนั้น เทรนด์หนังซูเปอร์ฮีโรก็กำลังขาขึ้นพอดิบพอดี แฟรนไชส์หนังหุ่นตีกันชุดนี้ก็เลยขาขึ้น (มาก่ายหน้าผากบ้าง) อยู่นาน จนถึงมาปีนี้ล่ะ จู่ๆParamount Pictures ก็ขุดแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกทีในรอบ 6 ปี ใน ‘Transformers: Rise of the Beasts’ หรือ ‘ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: เกิดจักรกลอสุรี’ ที่ภาคนี้จะปฏิบัติภารกิจเป็นทั้งยัง Sequel หรือภาคต่อจากหนัง ‘Bumblebee’ แล้วก็ปฏิบัติภารกิจครึ่งๆHard Reboot รีเซตจักรวาลใหม่ที่จะมีเส้นเรื่องเป็นของตนเอง มิได้เกี่ยว และไม่ใช่ภาคต่อจากหนังจักรวาลพ่อเบย์ 5 ภาคแรกอะไร

‘Transformers: Rise of the Beasts’ ยังคงได้ 2 พ่อผู้ให้กำเนิดรวมทั้งจุดการบรรลุเป้าหมายให้กับแฟรนไชส์นี้ในสมัยก่อน ทั้งยังสปีลเบิร์ก และก็พ่อเบย์ ที่ยังคงมานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ใหญ่นะครับ ส่วนเก้าอี้ผู้กำกับ ได้แฟนเดนตายทรานส์ฟอร์เมอร์ สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ (Steven Caple Jr.) ผู้กำกับหนังมวย ‘Creed II’ (2018) มานั่งแท่นรับหน้าที่ โดยในภาคนี้ แฟนคลับ‘Transformers’ คงจะคุ้นอยู่แล้วล่ะว่า ตัวหนังได้แรงจูงใจเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นจักรกลฟอร์มสัตว์ป่า จากแอนิเมชันสามมิติ ‘Beast Wars: Transformers’ (1996–1999) มาอยู่ในต้นแบบหนัง Live Action เป็นครั้งแรก ซึ่งน้องๆบางทีอาจจะไม่คุ้นชื่อ แต่ว่าคนอายุแถบ30 ปีขึ้นคงจะคุ้นกับการ์ตูนหัวข้อนี้ ตอนเอามาฉายกระจายเสียงทางช่อง 7 บ้างล่ะ ดูหนังทรานฟอร์เมอร์

แต่ก็เป็นตัว Bay เองที่ทำให้ภาพยนตร์เสื่อมมนต์ชลังลงเรื่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาค 5 The Last Knight ที่เหมือนควบคุมแบบปลดปล่อยหน้าจอยกระทั่งออกมาสกปรกรวมทั้งทำให้ค่ายจำเป็นต้องเว้นวรรคหนัง และก็ซอฟต์รีบูตมันเพื่อหาแนวทางใหม่ๆ

ชี้แจงมาตั้งยืดยาวก็เพื่อจะพูดว่า Rise of the Beasts นั้นเป็นอีกทั้งหนังที่ต่อยอดสิ่งดีๆมาจาก Bumblebee แม้กระนั้นมีทิศทางแบบหนังไมเคิล เบย์ ในเวอร์ชั่นที่เป็นผู้กระเป๋านคนกว่านั่นเอง

ในทางเรื่องราว จำต้องพูดว่ามัน Transformers มากมายๆ

แบบไม่บางทีอาจหลุดขนบ แบบไหนก็แบบงั้น การขัดกัน 3 ข้าง – ไอเทมทรงอำนาจปรากฎขึ้น – แย่งกัน – มนุษย์ควรมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าถิ่น – ตัวร้ายสุด OP ไม่มีใครเอาชนะได้ตอนแรก – ก่อนที่จะ ไพรศรีม์จะเก่งขึ้นเรื่อยด้วยพลังโชเน็นแบบไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ต้นสายปลายเหตุ รวมทั้งจบที่ฉากกว้างๆของกรุ๊ปตัวสำคัญที่หันหลังดูทิวทัศน์ตรงหน้า พร้อมเสียงพูดสรุปโดยไพรศรีม์ เป็นมาเป็นแพทเทิร์นแบบเรียงตามสูตรเกือบเป๊ะ แม้กระนั้นเพียงพอกลางทางมันถูกประกอบโดยแมททิเรียลและก็แนวทางการที่ถูก Transformers: Rise of the Beasts ก็เลยออกมาเป็นหนังที่บันเทิงใจท้ายที่สุด

ตัวเรื่องจะต่อจากภาพยนตร์ Bumblebee

เป็น 7 ปีภายหลังที่กรุ๊ป Autobots จำเป็นต้องระเห็จจากไซเบอร์ตรอนมาซ่องสุมกำลังที่โลก กระทั่งภัยร้ายใหม่มาเยี่ยมโดยไม่รู้สึกตัว รวมทั้งเปลี่ยนเป็นว่าพวกเขาจำต้องร่วมกับมนุษย์แล้วก็กรุ๊ป Maximals สำหรับเพื่อการยับยั้งภัยร้ายครั้งใหม่บนดาวที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าจะคุ้มครองป้องกันแต่ก่อน

ในความเป็นหนังที่ใกล้เคียงกับของไมเคิล เบย์ มนุษย์ควรจะมีส่วนร่วมเสมอถึงแม้หลายๆ

ครั้งจะมีความรู้สึกว่าไม่สำคัญก็เหอะ ภาคนี้ก็ด้วยเหมือนกันมีการแนะนำตัวเอกใหม่อย่าง โนอาร์ ดิอาซ พร้อมแปลงคู่คิดมาเป็น ไม่ราจ แทนบัมเบิ้ลบีที่ลดหน้าที่ตนเองลงไป ซึ่งก็ได้ผลลัพท์ที่เหมาะสมไม่น้อย เพราะเหตุว่าโนอาร์เป็นตัวเอกที่มีความตั้งใจจริงและก็กำลังขับในตัวมากยิ่งกว่าแซม ปากก็เจ๋งกว่าด้วย ในเวลาที่ตัวไม่ราจก็ให้อารมณ์ไม่เหมือนกับบัมเบิ้ลบี เพราะเหตุว่าหมอนี่กล่องเสียงมิได้เสียแถมกล่าวน้ำไหลไฟดับยิงมุขอยู่เสมอ ทำให้ทั้งสองเป็นดูโอที่มีความกลมกล่อมใช้ได้เลย ดูหนังทรานฟอร์เมอร์

เรื่องราวของหนังเริ่มในปี 1994 ภายหลังจากเหตุใน ‘Bumblebee’ โดยประมาณ 7 ปีในเมืองบรูกลิน นิวยอร์ก เมื่ออดีตกาลพลทหารชายหนุ่มเชื้อสายลาติน โนอาห์ ดิแอซ (Anthony Ramos) ปรารถนาออกไปพบงานทำเพื่อช่วยเหลือแม่ บรีนทุ่งนา ดิแอซ (Luna Lauren Velez) และก็น้องชาย คริส ดิแอซ (Dean Scott) แต่ว่าไปสมัครงานที่ใดก็ไม่มีผู้ใดรับ วันหนึ่ง ชะตากรรมพานาชูระจอกอย่างเขาให้ไปพบกับ ไม่ราจ (Pete Davidson) รถยนต์ Porsche 964 Carrera RS 3.8 สีเงินคาดแถบสีน้ำเงินสุดเฟี้ยว หนึ่งในหุ่นรบออโตบอตที่ซ่อนตัวอยู่บนโลก ร่วมกับ ออปว่ากล่าวมัส ไพรศรีม์ (Peter Cullen) หุ่นรบหัวรถบรรทุกหัวลาก Freightliner FLA ปี 1987 หัวหน้าของกรุ๊ป อาร์ซี (Liza Koshy) หุ่นรบสาวซิ่ง Ducati 916 แล้วก็ตะน้อนบัมเบิลบี Chevrolet Camaro สีเหลือง-ดำคนดีคนเดิม ที่กำลังหาวิถีทางกลับดาวไซเบอร์ทรอน

ในเวลาเดียวกัน เอเลนา วอลเลซ (Dominique Fishback) นักโบราณคดีสาวผู้ทำงานในพิพิธภัณฑสถานโบราณคดีวิทยา ได้เจอกับเค้าเงื่อนอะไรบางอย่างที่ส่งผลให้เกิดของที่มีค่าที่เรียกว่า ทรานสวอป คีย์ (Transwarp Key) กุญแจซึ่งสามารถพาไปยังมิติต่างๆได้ทั่วจักรวาล ฝั่งออโตบอตเองก็อยากได้เอาไว้พากลับไซเบอร์ทรอนถิ่นฐานบ้านช่อง แม้กระนั้นฝั่งเทอร์เรอร์คอนส์ผู้ดุร้าย ก็อยากกุญแจนี้ เพื่อยูนิครอน (Coleman Domingo) สิ่งมีชีวิตโคตรใหญ่โต ใช้เดินทางเพื่อไปกลืนรับประทานดาวทั่วทั้งยังจักรวาลได้ด้วยด้วยเหมือนกัน ก็เลยได้ส่งสเกิร์จ (Peter Dinklage) บริวารจอมโหดเหี้ยมมาตามไล่ล่า ตอนที่แอเรเซอร์ (Michelle Yeoh) หุ่นรบอินทรี ผู้แทนของเผ่าแม็กซิมัล ก็ได้พาเหล่าออโตบอต แล้วก็โนอาห์ และก็เอเลนา มาพบเห็นกับเหล่าแม็กซิมัลรุ่นในที่สุดที่ลี้ภัยมายังโลก อาศัยอยู่ในป่าแถบประเทศเปรู เพื่อหวังประสานมือด้วยกันตามหาทรานสวอป คีย์ แล้วก็คุ้มครองปกป้องโลกก่อนจะโดนยูนิครอนกลืนรับประทาน ดูหนังทรานฟอร์เมอร์

รวมทั้งเมื่อได้ได้โอกาสกลับมาเปิดใจมองต่อในภาคนี้ คงจำเป็นต้องใช้ว่า…เซอร์ไพรส์อยู่เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุว่า Transformers: Rise of the Beasts แปลงเป็นฉบับปรับแก้ใหม่ที่จัดว่าหลายๆอย่างลงร่องลงรอยเพิ่มขึ้น เปรียบเทียบได้กับเสน่ห์ที่เคยสัมผัสได้ตั้งแต่หนังภาคแรกที่สร้างประสบการณ์ดูหนังที่ตื่นตาตื่นใจได้เรื่องหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ นับว่าส่วนประกอบบางสิ่งบางอย่างของหนังชุดนี้ได้ถูกจัดระบบขึ้นให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

“Transformers: Rise of the Beasts” มีฉากเครดิตด้านหลังเรื่องหรือเปล่า? เฉลยคำตอบตรงนี้
เป็นจะว่าไป Transformers: Rise of the Beasts ก็แทบไม่มีอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ โดยยิ่งไปกว่านั้นพล็อตหนังกับเค้าเรื่อง ที่ก็ยังคงวนๆซ้ำเดิมอยู่กับภารกิจตามหาอะไรสักอย่างอยู่อย่างเคย มันยังคงใช้ความเป็นสูตรสำเร็จเข้ามาแต่งและก็เดินเรื่องไปอย่างซ้ำๆซากๆ แต่ว่าจุดที่ไม่เหมือนกันกับเดิมของหนังชุดนี้ ก็คงเป็นการยัดเยียดข้อหามนุษย์เข้ามามากขึ้นในหนัง ทำให้เติมแต่งความรู้สึกนึกคิดให้กับตัวหนังได้มากขึ้น มิได้รู้สึกแข็งทื่อแบบจักรกลล้วนๆต้นแบบ “ไมเคิล เบย์” สร้างเอาไว้หลายต่อหลายภาค formuladenegocio

รีวิวหนัง Transformers: Rise of the Beasts

ภาคนี้ใช้กลุ่มเขียนบทหนังออกจะอัดแน่นทีเดียว อีกทั้งคนเขียนคนใหม่แล้วก็ยอดความสามารถมาช่วยเหลือกัน โดยได้คู่หูผู้เขียนบทจากหนังดัง อย่าง Red ทั้งคู่ภาค แล้วก็ได้ “โจบี้ ฮาโรลด์” จากหนัง John Wick: Chapter 3 มาช่วยตบๆให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้เปลี่ยนออกมาเป็นบทสูตรสำเร็จแบบหนังซัมเมอร์ฮอลลิวูด แม้กระนั้นยังแอบแฝงไปได้กิมไม่กที่มีหัวหัวใจรวมทั้งความมานะบากบั่นสร้างโมเมนต์โอคอนิกต่างๆที่พอเพียงจะเซอร์วิสแฟนหนังได้ในระดับที่ดี

ภาคนี้สลับตัวมาทดลองใช้ผู้กำกับดาวรุ่ง “สตีเว่น ค้างเปิล จูเนียร์” ที่เคยวาดลวดลายค่อนข้างจะดีงามใน Creed II มาก่อน จะต้องจัดว่าเขาเข้ามาช่วยละเลงหนังหัวข้อนี้ให้ได้ออกมาในระดับที่ถูกใจ บางทีก็อาจจะมิได้ย้ำการปะทุเทือกเขาเผากระต๊อบ แบบที่คนก่อนเคยปูทางเอาไว้ แต่ว่าจังหวะงานแอคชั่นของเขาก็จัดว่ากำลังอร่อยใช้ได้พอได้ แล้วยังฝึกใส่ทำนองเพลงดราม่าเบาๆเข้ามาเสริมเป็นไซต์สตอปรี่อยู่เสมอ ทำให้รสของหนังที่เต็มไปด้วยจักรกลแข็งทื่อๆมองละมุนเพิ่มขึ้นแบบสัมผัสได้

ไม่ว่าจะเรียก ‘Rise of the Beasts’ ว่าเป็นภาคต่อของ ‘Bumblebee’ หรือจะดูมันว่าเป็น Soft Reboot ด้วยการจับเอาส่วนประกอบเดิมมาเล่าผ่านผู้แสดงใหม่เสมือนตอนยุคภาค 4 แล้วก็ภาค 5 หรือจะคิดว่ามันเป็น Hard Reboot ที่ตั้งจิตใจจะวางทางเพื่อหลีกห่างจากจักรวาลพ่อเบย์ ด้วยการวางเส้นเรื่องทั้งผองเป็นของตนเองก็ตามแต่ รวมทั้งเอาเข้าจริง ว่ากันตามจริง ตัวหนังภาคนี้ก็ยังคงใช้ส่วนประกอบ แนวทางคิด กลิ่น แนวทางการเล่า แล้วก็ฟอร์แมตบางอปิ้งจากจักรวาลพ่อเบย์ สืบทอดมาอยู่ในภาคนี้มาแบบเต็มๆรวมทั้งหลายท่านดูแล้วก็คงจะรำลึกถึงภาคแรกไม่น้อยล่ะ เพราะว่าภาคนี้ก็กล่าวได้ว่าเกือบจะขอยืมเส้นเรื่องแล้วก็แนวทางเล่าในแบบภาคแรกมาใช้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธีมเด็กผู้ชายกับสิ่งมีชีวิตแปลก (ที่ชักชวนให้คิดถึง E.T. ล้านๆเปอร์เซนต์) แค่เพียงไม่มีสาวน่ามองแล้วเท่านั้นเอง (ว้า…)