เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ต.ค. 68 พล.ต.เหรียญทอง หนาแน่น ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จะดำเนินการอย่างไร หลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่ยอมจ่ายสิทธิการรักษาบัตรทอง ติดค้างชำระหนี้เกือบ 100 ล้านบาท ที่อาคาร 1 ชั้น 8 ห้องอรุณวัฒนา รพ.มงกุฎวัฒนะ
หมอเหรียญทอง เปิดแผนช่วยผู้ป่วยบัตรทอง รพ.มงกุฎวัฒนะ

หมอเหรียญทอง พล.ต.เหรียญทอง กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่ากลุ่มผู้ป่วยใน ที่เป็นสิทธิบัตรทองยังคงได้รับการรักษาต่อเนื่องตามปกติ การงดรับบริการเป็นเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยนอกเท่านั้น จะมีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบประมาณ 47,000 คน โรงพยาบาลได้สำรวจความคิดเห็น พบว่าผู้ป่วยไม่ต้องการย้ายสิทธิสถานพยาบาล เพราะต้องเดินทางไกล หรืออาจต้องใช้ใบส่งตัว ในระหว่างนี้ รพ. จะจัดโครงการบัตรทองแพลตินัมมงกุฎวัฒนะ คือ ผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทองหากต้องการเข้ารับบริการสามารถเลือกชำระเงินค่าบริการรักษาในราคา รพ.รัฐ
แต่หากผู้ป่วยไม่สามารถชำระเงินได้ รพ. จะตั้งหน่วยบริการ เพื่ออำนวยความสะดวก เช่น จะเตรียมเอกสารประวัติการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยนำไปรักษาต่อที่ รพ.อื่น แต่หากเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรงยังรักษาต่อได้ เช่น ฟอกไต ผู้ป่วยพิการ โรคเอดส์
จากประวัติการรับบริการกลุ่มผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทองที่เข้ามารับบริการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ประมาณ 500-1,000 คนต่อวัน คาดว่าครึ่งหนึ่งจะสามารถเลือกชำระเงินเองได้ แต่อีกครึ่งอาจต้องไปรักษาที่อื่น และจากผู้ป่วยที่มีสิทธิกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ คาดว่า 10,000 คน อาจขอย้ายสิทธิ เนื่องจากไม่สามารถชำระเงินได้ แต่อาจต้องรับภาระค่าเดินทางไป รพ. ที่ไกลกว่า

พล.ต.เหรียญทอง เผยอีกว่า สถานการณ์เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่พบว่า สปสช. ปรับเงื่อนไขการชำระเงินเป็นแบบ Point system จึงชะลอการรับส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองมาตลอด ทางออกเรื่องนี้ยังยืนยันต้องให้ สปสช. สรุปหนี้ให้ชัด หากไม่สามารถชำระยอดรวมทั้งหมดได้ ก็ขอผ่อนชำระได้ เคลียร์หนี้จบสามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติ
พล.ต.เหรียญทอง กล่าวต่ออีกว่า ในฐานะผู้บริหารโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มองระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงในระบบสาธารณสุขที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ระบบบัตรทองไม่ล่ม แต่มีรอยร้าว หากไม่รีบแก้ไขอาจถล่มได้ สำหรับตนยังรักในระบบ สปสช. แต่มีความรังเกียจผู้บริหาร สปสช. บางคน

ปัจจัยหนึ่งที่มองว่า เกิดปัญหาการค้างชำระหนี้กันต่อเนื่องมาจากงบประมาณไม่เพียงพอ โดยงบที่ สปสช. ได้รับจัดสรร เป็นงบปลายปิด ในปัจจุบันมองว่าอาจไม่เพียงพอกับสถานการณ์การป่วยที่มากขึ้น และยังมีนโยบายใหม่จากนักการเมืองเกิดขึ้นกลางคัน เพิ่มสิทธิต่างๆ จนเกิดเป็นการผลักภาระให้สถานพยาบาล ผู้บริหาร สปสช. ต้องรู้จักปฏิเสธบ้าง เพราะงบฯ มีเท่านี้ และทราบว่างบฯ ที่ สปสช. ขอเพิ่มล่าสุด 8,000 ล้านบาท สปสช. ไม่ได้จะนำมาจ่ายหนี้ให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ และถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อพูดคุยใดๆ จาก สปสช. ส่วนหนึ่งคือทำใจว่ายอดหนี้ที่เหลือ อาจจะไม่ได้คืน
โดยแผนต่อจากนี้คือ เตรียมดำเนินการทางกฎหมาย มาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา กับผู้บริหาร สปสช. ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะฟ้องคดีแพ่ง ตอนนี้รอหลักฐาน สรุปค่าใช้จ่ายของปี 67 เท่านั้น formuladenegocio