วีระ สมความคิด” ชาวบ้านหนองจาน ขีดเส้นตาย 31 ตุลาคมนี้ ให้โอกาสเจ้าหน้าที่และฝ่ายความมั่นคง ผลักดันกัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทยออกจากพื้นที่ หากยังไม่มีความคืบหน้า จะลุยพื้นที่ด้านในด้วยตัวเอง พร้อมบอกไม่ขอโต้กลับ “นายกฯ อนุทิน” หลังโดนฟาด “มีปากก็พูดไป ไม่เคยทำอะไรเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง” แต่ย้อนถามเดือด
วีระ ขีดเส้นตาย 31 ต.ค.นี้ ผลักดันกัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย ไม่ขอตอบโต้ “อนุทิน

ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น และหนึ่งในผู้ร่วมสู้คืนแผ่นดินบ้านหนองจาน ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมกับชาวบ้าน บริเวณจุดประจำการบ้านหนองจานตามที่ได้นัดหมายไว้
โดยบอกว่า เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านหนองจาน ส่วนตัวยืนยันว่า ทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติ และหลายคนไม่เข้าใจ คิดว่าตนมาขัดขวางการทำงานของ จนท. ซึ่งภาพเมื่อวานนี้เห็นแล้ว ว่าชาวบ้านหนองจานไม่ได้เข้าไปขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่

ซึ่งในวันนี้ หลังจากที่พ้นเส้นตาย 10 ตุลาคม ชาวบ้านหนองจาน ได้ให้ผมเป็นตัวแทนมาแถลงข่าวว่า ชาวบ้านหนองจาน จะให้โอกาสเจ้าหน้าที่และฝ่ายความมั่นคงทำงานตามที่ประกาศไว้ ในการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่ ทั้งที่บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ โดยหลังจากนี้ หากยังไม่มีความคืบหน้า ในวันที่ 31 ตุลาคม ตัวผมกับชาวบ้านหนองจาน จะเข้าไปผลักดันพื้นที่ด้านในด้วยตัวเอง
โดยยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไม่ได้มาบีบคั้น หรือมากดดัน อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ชาวบ้านมีความอดทนมาโดยตลอดกว่า 40 ปี ที่ชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ พวกเราชาวบ้าน จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก รวมทั้งคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน
สำหรับบ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน 2 จุดนี้ เป็นจุดสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้เจ้าหน้าที่สามารถนำไปขยายผลไปยังจุดต่าง ๆ ที่ถูกกัมพูชาบุกรุกผืนแผ่นดินไทย
ทั้งนี้ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว มีหลักเขตที่ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีหลักเขตปักครบเป็นหลักฐาน ซึ่งที่ผ่านมา อาจจะมีการอ้างล้ำเข้ามา แต่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่หลักเขตมีอยู่แล้ว จึงเชื่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เรื่องแผนที่มีพิกัดอยู่แล้ว ดังนั้นการผลักดันให้กัมพูชาออกไปนอกผืนแผ่นดินไทยนั้นสามารถทำได้
ซึ่งหากนำชาวบ้านเข้าไปผลักดันชาวกัมพูชาด้วยตนเองจะขัดต่อกฎอัยการศึกหรือไม่ มองว่า เจ้าหน้าที่ควรนำกฎหมายไปใช้กับชาวกัมพูชาที่บุกรุกมากกว่ามาใช้กับประชาชนด้วยกันเอง

ส่วนที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตนเองว่า “มีปากก็พูดไป ไม่เคยทำอะไรเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติ” บอกว่าไม่ขอชี้แจงและไม่โต้กลับนายอนุทิน เพราะผมไม่เคยโกงชาติ ไม่เคยขายชาติ พร้อมย้อนถามกลับนายอนุทินว่า “กล้าพูดเต็มปากหรือไม่ว่า ตลอดชีวิตไม่เคยโกงชาติ ไม่เคยขายชาติ” ส่วนตนเองมีแต่ช่วยชาติ
และที่นายอนุทินกล่าวว่า หากทำอะไรรุนแรงชาวกัมพูชาอาจฟ้องประชาคมโลกได้ ระบุว่า “ถ้านายอนุทินไม่เคยเห็นสิ่งที่ผมทำกับประเทศชาติก็ไม่เป็นไร มีแค่นายอนุทินคนเดียวที่ไม่เคยเห็น แต่เชื่อว่าประชาชนจำนวนหนึ่งเห็นสิ่งที่ตนเองทำให้ประเทศชาติมาโดยตลอด”
ขณะเดียวกัน ตัวแทนชาวบ้านหนองจาน ได้ออกมาบอกว่า เมื่อวานนี้ได้คุยกับแม่ทัพแล้ว และเมื่อวานนี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นในการเริ่มมาตรการผลักดันคนกัมพูชาออกนอกอธิปไตยไทย
พร้อมยืนยันว่า เราจะทำหน้าที่เป็นแนวหลังในการส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมมั่นใจและวางใจ ว่า ทางกองทัพจะดำเนินการผลักดันคนกัมพูชา
ส่วนกรณีที่ทางได้ออกมาบอกกำหนดระยะเวลาว่า จะให้เวลาเจ้าหน้าที่ถึงวันที่ 31 ต.ค.นั้น มั่นใจว่าทางรัฐบาลและกองทัพจะดำเนินการผลักดันกลุ่มคนกัมพูชาออกไปได้ก่อนวันที่ 26 ตุลาคมอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านก็อดทนกันมามากพอแล้ว
จากนั้นทุกคนได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงจุดยืนเดียวกันในการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และพร้อมที่จะสนับสนุนการผลักดันกลุ่มคนกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่อธิปไตยของไทย ให้ออกไปจากผืนแผ่นดินไทย formuladenegocio