เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำ เตือน ปชช.

วันที่ 17 กันยายน 2568 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อน ฉบับที่ 6 โดยระบุว่า สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 16 กันยายน 2568 เวลา 06.00 น. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 605 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 63 % ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 599 ลบ.ม./วินาที หรือ 52 ล้าน ลบ.ม./วัน ปริมาณการระบาย 200 ลบ.ม./วินาที หรือ 17 ล้าน ลบ.ม./วัน

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำ เตือน ปชช. เตรียมเฝ้าระวัง

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

จากการติดตามและคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อน ด้านเหนือเขื่อนยังมีปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าเขื่อนฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อน ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะดำเนินการปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิมอัตรา 200 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 350 ลบ.ม./วินาที โดยเพิ่มขึ้นในอัตราวันละ 50 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ดังนี้

วันที่ 17 กันยายน 2568 เพิ่มการระบายน้ำเป็นอัตรา 250 ลบ.ม./วินาที

วันที่ 18 กันยายน 2568 เพิ่มการระบายน้ำเป็นอัตรา 300 ลบ.ม./วินาที

วันที่ 19 กันยายน 2568 เพิ่มการระบายน้ำเป็นอัตรา 350 ลบ.ม./วินาที

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชน จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 1.30 – 1.50 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ยังอยู่ในลำน้ำไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก จึงใคร่ขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

ด้าน นายสมชาย ร่มเย็น หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ระบุว่า วันนี้ 17 กันยายน 2568 ณ ปัจจุบันน้ำในเขื่อนป่ามีปริมาณน้ำอยู่ในเขื่อนมีอยู่ 637,000,000 ลูกบาศก์เมตร หรือ ประมาณ 66% ซึ่งในวันนี้มีน้ำเข้าเขื่อนอยู่ที่ 584 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 50,000,000 ทางเขื่อนป่ามีการระบายน้ำอยู่ที่ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งแนวทางในการบริหารจัดการน้ำช่วงนี้ ทางกรมชลประทานได้พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งได้ระบายอยู่ที่ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

โดยแนวโน้มเนื่องจากน้ำทางตอนบน จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่กำลังไหลลงมาเขื่อนป่า ยังมีแนวโน้มที่ยังคงเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ได้คาดการณ์ไว้ว่าช่วงประมาณปลายกันยายนนี้ จะมีร่องความกดอากาศต่ำ ลงมาพาดผ่านในพื้นที่ภาคกลาง แล้วก็อาจจะมีพายุที่จะเข้าประเทศไทย ประมาณ 1-2 ลูก

เพื่อเป็นการเตรี่ยมรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น กรมชลประทาน จึงพิจารณาปรับเพิ่มระบายจาก 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยอาจทยอยปรับขึ้น ในอัตราวันละ 50 ลูกบาศก์ต่อวินาที ซึ่งในวันนี้ได้เริ่มทยอยปรับขึ้นแล้วจากเมื่อวาน 200 ลูกบาศก์ต่อวินาที วันนี้ 17 กันยายน 2568 เป็น 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วก็พรุ่งนี้จะทยอยปรับเป็น 300 ลูกบาศก์ต่อวินาที ตามลำดับ จนถึง 350 ลูกบาศก์ต่อวินาที ในวันที่ 19 กันยายน 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เป็นการวางแผนรองรับสถานการณ์ล่วงหน้ารวมถึงเป็นการควบคุมเกณฑ์น้ำในเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ทั้งนี้ การระบายน้ำของเขื่อนสักชลสิทธิ์จะบริหารจัดการโดยใช้เป็นการจัดจราจรน้ำ ในช่วงที่เขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำมาสูง ทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็มีการชะลอน้ำไว้ช่วงหนึ่ง แต่ช่วงในอัตราการระบายน้ำที่ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตราการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ไม่เกิดผลกระทบกับในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ปริมาณน้ำยังอยู่ในลำน้ำแม่น้ำสัก ซึ่งก็จะมีการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมอยู่ formuladenegocio